วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2552

(ต่อ)


สมเด็จพระปิตุฉาเจ้าสุขุมาลย์มารศรี พระอัครราชเทวี
ม.จ.จงจิตรถนอม ดิศกุล ทรงเล่าว่า “ในวันที่ ๑๙ ตุลาคม เป็นวันพุธ ตรัสสั่งให้พระนางเจ้าสุขุมาลย์มารศรี พระราชเทวี ตั้งขนมจีนน้ำยาเป็นเครื่องตอนกลางวัน ส่วนตอนเย็นนั้นให้ทรงจัดเป็นกระทงสังฆทาน กระทงใหญ่และกระทงเล็ก เครื่องคาว ๗ สิ่งมี ฉู่ฉี่ปลาสลิด, แกงเผ็ด, หมูหวาน, ผัด, น้ำพริก, ผัก และปลาดุกย่างทอดเครื่องหวาน ๗ สิ่ง พระกระยาหารอยู่ก้นกระทง มีใบตองปิดเป็น ๓ ชั้น เสวยพระกระยาหารได้ แต่เริ่มพระนาภีไม่สู้ดีจึงเสวยพระโอสถปัด”ทรงมีรับสั่งให้สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี ขึ้นเฝ้าเพื่อเป็นแม่กองดูแลพระอาการนั้นทรงรับสั่งว่า“ฉันเรียกแม่เล็กมาเป็นเจ้าของไข้”

สมเด็จพระศรีพัชรินทรา พระบรมราชินีนาถ(สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรามราชเทวี)
พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ (นพ ไกรฤกษ์) บันทึกว่า“วันที่ ๒๐ ตุลาคม เวลา ๓ โมงเช้า คุณพนักงานออกมาบอกว่าสมเด็จพระบรมราชินีนาถมีรับสั่งให้มหาดเล็กไปตามหมอเบอร์เกอร์ หมอไรเตอร์ และหมอปัวซ์ ให้รีบมาเฝ้าโดยเร็ว สมเด็จพระบรมราชินีนาถได้เสด็จออกมารับสั่งแก่ข้าพเจ้าให้จัดอาหารเลี้ยงหมอและจัดที่ให้หมออยู่ประจำตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเมื่อหมอมาเฝ้าตรวจพระอาการกลับลงมา ข้าพเจ้าได้ถามพระอาการ หมอไรเตอร์บอกว่าเป็นเพราะพระบังคนหนักค้างอยู่นาน เมื่อเสวยพระโอสถปัด พระบังคนหนักออกมาจึงอ่อนพระทัย พระกระเพาะอาหารอ่อนไม่มีแรงพอที่จะย่อยพระอาหารใหม่ ควรพักบรรทมนิ่งอย่าเสวยพระอาหารสัก ๒๔ ชั่วโมงก็จะปกติ หมอฉีดมอร์ฟีนถวายหนหนึ่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการ มาฟังพระอาการมากด้วยกันตั้งแต่ ๕ ทุ่ม ได้บรรทมหลับเป็นปกติ พระเจ้าน้องยาเธอกรมขุนสรรพสิทธิประสงค์ หมอฝรั่ง หมอไทยและมหาดเล็กอยู่ประจำพรักพร้อมกันตลอดเวลาวันที่ ๒๑ ตุลาคม ย่ำรุ่งบรรทมตื่นตรัสว่า พระศอแห้ง แล้วเสวยพระสุธารสเย็น คณะแพทย์ไทยถวายพระโอสถแก้พระเสมหะแห้ง รับสั่งว่าอยากจะเสวยไรๆ ให้ชุ่มพระศอ สมเด็จพระบรมราชินีนาถถวายน้ำผลไม้เงาะคั้น๑ พอเสวยได้สักครู่เดียวทรงพระอาเจียนออกมาหมด สมเด็จพระบรมราชินีนาถตกพระทัยเรียกหมอทั้ง ๓ คนขึ้นไปตรวจพระอาการ หมอกราบบังคมทูลว่า ที่เสวยน้ำผลเงาะหรือเสวยอะไรอื่นในเวลานี้ไม่ค่อยจะดีเพราะพระกระเพาะว่างและยังอักเสบเป็นพิษอยู่ เพราะฉะนั้น เมื่อเสวยพระกระยาหารหรือพระโอสถจึงทำให้ทรงพระอาเจียนออกมาหมด และเสียพระกำลังด้วย สู้อยู่นิ่งๆ ดีกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกริ้วหมอว่า อาหารก็ไม่ให้กิน ยาก็ไม่ให้กิน ให้นอนนิ่งๆ อยู่เฉยๆ จะรักษาอย่างไรก็ไม่รักษา มันจะหายได้อย่างไร และตรัสต่อไปว่าเชื่อถือหมอฝรั่งไม่ได้ ประเดี๋ยวพูดกลับไปอย่างโน้นอย่างนี้ไม่แน่นอนเป็นหลักฐานอะไรได้เมื่อหมอกลับลงมาแล้ว มีรับสั่งกับสมเด็จพระบรมราชินีนาถว่าให้ไปตามใครๆ เขามาพูดจาปรึกษาดูเถิด สมเด็จพระบรมราชินีนาถเสด็จลงมารับสั่งกับข้าพเจ้าให้มหาดเล็กไปเชิญพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงศ์ฯ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงดำรงฯ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนนครสวรรค์ และสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์ ในเวลาย่ำรุ่งนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถ เสด็จลงมาทรงเล่าพระอาการให้เจ้านายทั้ง ๔ พระองค์ฟัง แล้วเจ้านายซักถามหมอๆ ก็ยืนยันว่าไม่เป็นอะไร บรรทมอยู่นิ่งๆ ดีกว่า เจ้านายพากันเห็นจริงตามหมอไปหมด รวมกันถวายความเห็นว่า ที่หมอรักษาอยู่เวลานี้ถูกต้องแล้ว สมเด็จพระบรมราชินีนาถเสด็จขึ้นไปกราบบังคมทูลว่า เจ้านาย ๔ พระองค์เสด็จมาแล้วได้ซักถามหมอ และเห็นด้วยตามที่หมอชี้แจง ทรงนิ่งอยู่มิได้รับสั่งอะไรต่อไปเวลาที่เลี้ยงเครื่องอาหารเช้าเจ้านายและหมออยู่นั้น มีพระอาเจียนอีกครั้งหนึ่งเป็นน้ำสีเขียวเหมือนข้าวยาคู ประมาณ ๑ จานซุป หมอว่าสีเขียวนั้นเป็นน้ำดี ตั้งแต่นี้ต่อไปก็มีพระอาการซึมบรรทมหลับอยู่เสมอ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ เสด็จลงมารับสั่งว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่า “การเจ็บครั้งนี้จะรักษากันอย่างไร ก็ให้รักษากันเถิด” ตามที่รับสั่งเช่นนี้ข้าพเจ้ารู้สึกใจหาย ให้หวั่นหวาดหนักใจไปเสียจริงๆตอนเที่ยง เจ้านายและหมอขึ้นเฝ้าตรวจพระอาการ ข้าพเจ้าก็ตามขึ้นไปด้วย กลับลงมาได้ความว่า มีแต่พระอาการเซื่องซึม บรรทมหลับอยู่ตลอดเวลา มีพระบังคนเบาครั้งหนึ่งประมาณ ๑ ช้อนกาแฟ สีเหลืองอ่อน สังเกตดูกิริยาอาการของหมอและเจ้านายยังไม่สู้ตกใจอะไรมากนัก สมเด็จพระบรมราชินีนาถรับสั่งให้เจ้านายผลัดเปลี่ยนกันประจำฟังพระอาการอยู่เสมอไปตอนบ่าย มีความร้อนในพระองค์ปรอท ๑๐๐ เศษ ๔ แต่เป็นเวลาทรงสร่างเพราะมีพระเสโทตามพระองค์บ้าง มีพระบังคนเบาเป็นครั้งที่ ๒ ประมาณ ๑ ช้อนกาแฟเหมือนคราวก่อน ในเรื่องพระบังคนเบาน้อยเป็นครั้งที่ ๒ นี้ เจ้านายออกจะสงสัย ทรงถามหมอๆ ก็ให้การว่าเป็นเพราะไม่ได้เสวยอะไร เสวยแต่พระสุธารสชั่ว ๒ – ๓ ช้อนเท่านั้นก็ซึมซาบไปตามพระองค์เสียหมด เพราะฉะนั้นพระบังคนเบาจึงน้อยไป ไม่เป็นอะไร เมื่อเสวยพระกระยาหารและพระสุธารสได้มากแล้ว พระบังคนเบาก็คงจะมีเป็นปกติ แต่พระอาการเซื่องซึมบรรทมหลับยังมีอยู่เสมอตอนเย็น เมื่อเจ้านายและหมอขึ้นไปเฝ้าตรวจพระอาการ ข้าพเจ้าจึงได้ยินรับสั่งกับสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนครสวรรค์ฯ ว่า “การรักษาเดี๋ยวนี้เป็นอย่างใหม่เสียแล้ว” แล้วก็ไม่ได้ตรัสสั่งอะไรอีก เมื่อเจ้านายและหมอกลับลงมาคราวนี้ พากันรู้สึกว่าพระอาการมาก ไม่ใช่ทางพระธาตุพิการอย่างเดียว เป็นทางพระวักกะ(คิดนี) เครื่องกรองพระบังคนเบาเสียแล้ว มีพระบังคนเบาอีกเป็นครั้งที่ ๓ ประมาณ ๑ ช้อนกาแฟ ตอนนี้หมอและเจ้านายแน่ใจทีเดียวว่าเป็นวักกะพิการ หมอได้รีบประชุมกันประกอบพระโอสถบำรุงพระบังคนเบาและเร่งให้มีพระบังคนเบา โดยเร็วและที่สุดใช้เครื่องสวนพระบังคนเบา แต่ไม่ได้ผล เพราะไมมีพระบังคนเบาเลยตอนค่ำ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนครสวรรค์ฯ และหมอขึ้นไปเฝ้าตรวจพระอาการ ข้าพเจ้าก็ขึ้นไปด้วยเช่นเคย เห็นพระพักตร์แต่ห่างๆ เข้าไปใกล้พระแท่นไม่ได้เพราะข้างในอยู่เต็มไปหมด ได้ยินเสียหายพระทัยดังและยาวๆ มาก บรรทมหลับอยู่ ถ้าจะถวายพระโอสถพระอาหาร หรือพระสุธารสก็ต้องปลุกพระบรรทม หมอกลับลงมาได้ความว่าการหายพระทัยและพระชีพจรยังดีอยู่ ความร้อนในพระองค์ลดลงแล้ว เห็นจะไม่เป็นไรหมอประชุมกันตั้งพระโอสถแก้พระบังคนเบาน้อยอีกประมาณ ๑ ทุ่มเศษมีพระบังคนเบาเป็นครั้งที่ ๔ ประมาณ ๑ ช้อนเกลือ และเป็นครั้งสุดท้ายค่ำวันนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยมาฟังพระอาการเต็มไปทั้งพระที่นั่ง เจ้านายก็ยังเชื่อกันว่า พระบังคนเบาคงจะมีออกมามากแน่ ตั้งแต่ยามหนึ่งแล้วมีพระบังคนหนัก ๓ ครั้งเป็นสีดำๆ หมอฝรั่ง หมอไทยตรวจดูก็ว่าดีขึ้น คงจะมีพระบังคนปนอยู่ด้วย วันนี้เสวยน้ำซุปไก่เป็นพักๆ พักละ ๓ ช้อนบ้าง ๔ ช้อนบ้าง พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนสรรพสิทธิประสงค์ ชงน้ำโสมส่งขึ้นไปถวายให้ทรงจิบเพื่อบำรุงพระกำลัง หมอฝรั่ง หมอไทยไม่คัดค้านอะไร คืนนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการกลับดึกกว่าคืนก่อนๆ
Google